ทำไมทำราคาถูกจัง ของแท้หรือเปล่า ผสมอะไรไหม
-จริงๆ ก็อยากขายแพงๆครับ จะได้รวยๆ แต่ลองมาคิดดู โอ้โห ปุ๋ยกระสอบหนึ่ง ราคาขายกิโล 35 บาท กระสอบ 25 kg ราคา 825 บาท <afworm ขายเพียง กระสอบ25 kg 200บาท ราคานี้ไม่รวมค่าส่ง ส่งได้ทั่วประเทศ>
ไปดูที่โลตัสมา 1 kg แพ็คสวยมากเลย ราคา 109 บาท
ไปดูจตุจักรมา 3 แพ็ค ราคา 100บาท
ซื้อครั้งละ 1 kg จะพอใช้เหรอครับ จนกันพอดี
(ต้นทุน1 ขี้วัว หน้าฟาร์ม กิโลละ 2 บาท
ต้นทุนการผลิต2 ค่าน้ำ ค่าการผลิต ค่าแรงงาน ค่าสถานที่ โลละ 2 บาท
ต้นทุนการผลิต3 ถุงปุ๋ย ด้ายเย็บกระสอบ ค่าเครื่องจักร ค่าแรงงาน ค่าไฟ โลละ 2 บาท)
รวมราคา ประมาณต้นทุน 5-7 บาท ราคาแบบนี้ก็ดูเอาครับ ซื้อของกัน คนขายไม่เอาเปรียบคนซื้อ คนซื้อไม่กดราคา เบียดเบียนกัน
มาแล้ว แพ็คเก็ตใหม่ พอดีได้กระสอบขนาดเล็กจากร้านขายข้าวสาร ในราคาถูก เพื่อช่วยลดต้นทุน
กระสอบขนาด 10 kg ราคา 80 บาท ได้ทดลองขายดู ปรากฏว่า แม่บ้านชอบ เพราะยกสะดวก
ที่ผ่านมา ต้องขอโทษจริง ๆ เราเน้นขายปุ๋ยในปริมาณมาก เลยมีลูกค้าบ่นว่ายกไม่ไหว หลายคน ทาง ผู้ผลิต
ไม่ได้สนใจเป็นระยะเวลานาน
ต้องขอบคุณ ลุกค้าแถวสาธรที่ช่วยแนะนำให้เข้าใจ
สำหรับหมู่บ้านหรือ ร้านค้าใดสนใจที่จะสั่งจำนวนมาก แต่ยังไม่แน่ใจสินค้า สามารถติดต่อ ขอรับตัวอย่างสินค้าได้ ฟรี หรือจะมา
ทัศนศึกษาดูงานที่ฟาร์มได้นะครับ
ปรับปรุงเเล้ว
ตอนนี้ทางเว็บต้องการตัวแทนขาย จำนวนมาก หลังจากได้นำเสนอไปทางหมู่บ้าน คอนโด อพาร์ทเมนต์ ให้ความสนใจมาก
แต่ทางเรา ทำไม่ไหว เนื่องจากต้องดูแลเรื่องการผลิต ที่แสนจะลำบาก ถ้าไม่ได้ดูแลจะเสียหาย แต่ก็เสียดายโอกาสที่ลูกค้าจะได้
ใช้ของดีราคาถูก มาเป็นตัวแทนซิครับ รับรอง รวยด้วยกัน
ราคานี้ คือ ราคาที่เหมาะสม
ขายปลีก โลละ 8 บาท
ขายส่ง โลละ 6 บาท
(ค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก โดยเฉพาะเรื่องค่าขนส่งที่เป็นปัญหาหลักของการขาย )
พอดีไม่ต้องเสียค่าโฆษณา เสียค่าร้านค้า ผลิตเอง ไม่ได้รับใครมาขาย ไม่เชื่อมาดูที่ฟาร์มเลยครับ
เปิดเวบแบบง่ายๆ นี้เองครับ ให้ข้อมูลแบบมากมาย ยิ่งกว่าขายรถยนต์ ก็ขายโลละ 8 บาท พอครับ ขายเท่าที่ทำไหวด้วย ให้ข้อมูลแบบหมดเปลือก
ทำไม่ทัน ก็บอกลูกค้า ช่วยรอหน่อยครับ
-ผสมอะไรไหม ตอบว่า ไม่รู้จะผสมอะไรครับ เพราะถ้าผสม ตัวเม็ดปุ๋ยจะไม่นิ่มสวย ดูได้อย่างชัดเจน
ภาพจริงถ่ายเวลา 8.30 เดือนสิงหาคม 2559 ถ่ายมาเลย ขี้เกียจตบแต่งให้สวยก่อนถ่าย
ช่างโชคดี ปุ๋ยได้ตากแดดเช้า นิดหน่อย พอได้แห้งหมาดๆ จะได้ร่อนแยกตัวไส้เดือนได้
ที่ขายราคานี้ เพราะอยากช่วยส่งเสริม การใช้เกษตรอินทรีย์ ลดการใช้สารเคมี
พี่น้องไส้เดือน ช่วยกันขายราคาแบบนี้ หรือถูกกว่านี้ จะได้ให้ประเทศไทย ปลอดโรคร้ายที่ใช้สารเคมีในการปลูกผักและผลไม้
รูปมูลไส้เดือนของ Afworm
———————————————————————————————————————-
วิธีการใช้
พืชสวนประดับไม้ดอกประดับ เช่น กุหลาบเบญจมาศ มะลิ ดาวเรือง ผีเสื้อ บีโกเนีย ฯลฯไม้ใบประดับ เช่น เดหลี บอนสี คล้า เฟิร์น ฯลฯ
กระถาง – ใส่ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินรอบโคนต้นพืชในกระถางอัตรา 200-300 กรัม/กระถาง ทุก 7-15 วัน
ใส่ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินบริเวณผิวหน้าดิน หรือ ผสมดินในระหว่างการเตรียมดิน อัตรา 1.5-2 กิโลกรัม/ตารางเมตรแล้วคลุมด้วยฟางข้าว
พืชผักเช่น
ผักกาด ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง กะหล่ำปลี แตงกวา ถั่วฝักยาว หัวผักกาด หอม กระเทียม มันฝรั่ง หัวผักกาด ฯลฯ
แปลง – ใส่ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินบริเวณผิวหน้าดิน หรือ ผสม ดินในระหว่างการเตรียมดิน อัตรา 1-1.5 กิโลกรัม/ตารางเมตรแล้วคลุมด้วยฟางข้าว
ไม้ผลเช่น มะม่วง ลิ้นจี่ ลำไย ทุเรียน ส้ม ส้มโอ องุ่น พุทรา ชมพู่ ฯลฯ
ขนาดทรงพุ่มต้นน้อยกว่า 1 เมตร – พรวนดินรอบทรงพุ่มแล้วใส่ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินรอบโคนต้น อัตรา 1-2 กิโลกรัม/ต้น1-5 เมตร – พรวนดินรอบทรงพุ่มแล้วใส่ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินรอบโคนต้น อัตรา 5-15 กิโลกรัม/ต้นมากกว่า 5 เมตร – พรวนดินรอบทรงพุ่มแล้วใส่ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินรอบโคนต้น อัตรา 15-20 กิโลกรัม/ต้น ทุกอัตราส่วน ใส่ซ้ำทุก 4 เดือน หรือในช่วงสร้างตาดอกใช้ร่วมกับนำหมักมูลไส้เดือนดิน โดยเจือจางน้ำ 2 เท่า รดรอบโคนต้นทุกเดือน
—————————————————————————————————————–
วิชาการมากไป : เทคนิค ง่าย ๆ เลย ต้นไม้เล็ก อายุไม่เกิน 1 ปี ใส่ 1 กำมือ หรือ 1 แก้ว ต่อ 1 เดือน
ต้นไม้ใหญ่ ใส่ 1 ขัน รอบๆ ใกล้ ๆ โคนต้นเลยครับ ต่อเดือน
ต้นไม้ที่เป็นรากอากาศ ก็ผสมน้ำละลาย ก็จะเรียกว่า น้ำหมักมูลไส้เดือน ผสมเนื้อมูลตามความต้องการ เข้มข้นหรือเจือจาง
—————————————————————————————————————–
มูลไส้เดือนเป็นปุ๋ยที่ปัจจุบันเริ่มมีความนิยมมากขึ้นในครัวเรือนแทนปุ๋ยเคมีและปุ๋ยคอก ไม่มีกลิ่นฉุนเหมือนปุ๋ยคอกชนิดอื่น มีธาตุอาหารบางนิดสูงกว่าปุ๋ยคอก สามารถแก้ปัญหาหน้าดินแข็งซึ่งเกิดจากการใช้ปุ๋ยเคมีเป็นเวลานาน
ที่มาของมูลไส้เดือน
ไส้เดือนเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ อาศัยอยู่ในดินที่มีความชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์และมีอินทรียวัตถุ ซากพืช มูลสัตว์ เมื่อไส้เดือนกินแล้วจะย่อย ขับถ่ายออกมาเป็น “มูลไส้เดือน” ซึ่งมีสีน้ำตาลดำ เป็นเม็ดร่วน มีความพรุน โปร่งนุ่มเบา ระบายน้ำและอากาศได้ดี ไม่มีกลิ่นฉุน ให้ธาตุอาหารหลายชนิดที่อยู่ในเศษอินทรียวัตถุเหล่านั้นถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ เช่น เปลี่ยนไนโตรเจน ให้อยู่ในรูป ไนเตรท หรือ แอมโมเนีย ฟอสฟอรัสในรูปที่เป็นประโยชน์ โพแทสเซียมในรูปที่แลกเปลี่ยนได้ มีธาตุอาหารรอง เช่น แมงกานีส เหล็ก ทองแดง และสารอาหารอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญของพืช รวมทั้งมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม
การใช้มูลไส้เดือนดินและน้ำหมักมูลไส้เดือนดินในการปลูกพืชจะส่งผลให้ดินมีโครงสร้างดีขึ้น คือทำให้ดินกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น มีความโปร่งร่วนซุย รากพืชสามารถชอนไชและแพร่กระจายได้กว้าง ดินมีการระบายน้ำและอากาศได้ดี ทำให้จุลินทรีย์ดินที่เป็นประโยชน์บริเวณรากพืชสามารถสร้างเอนโซม์ที่เป็น ประโยชน์ต่อพืชได้เพิ่มชึ้น นอกจากนี้จุลินทรีย์ดินที่ปนออกมากับมูลของไส้เดือนดินยังสามารถสร้างเอ็นไซม์ฟอสฟาเตสได้อีกด้วย ซึ่งจะมีส่วนช่วยเพิ่มประมาณฟอสฟอรัสในดินให้สูงขึ้นได้
ประโยชน์และความสำคัญของมูลไส้เดือนดิน
– ส่งเสริมการเกิดเม็ดดิน
– เพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุแก่ดิน
– เพิ่มช่องว่างในดินให้การระบายน้ำและอากาศดียิ่งขึ้น
– ส่งเสริมความพรุนของผิวหน้าดิน ลดการจับตัวเป็นแผ่นแข็งของหน้าดิน
– ช่วยให้ระบบรากพืชสามารถแดร่กระจายตัวในดินได้กว้าง
– เพิ่มขีดความสามารถในการดูดซับน้ำในดิน ทำให้ดินชุ่มขึ้น
– เพิ่มธาตุอาหารพืชให้แก่ดินโดยตรงและเป็นแหล่งอาหารของสัตว์และจุลินทรีย์ดิน
– ช่วยเพิ่มความต้านทานในการเปลี่ยนแปลงระดับความเป็นกรด-ด่าง (Buffer capacity) ทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นไม่เร็วเกินไปจนเป็นอันตรายต่อพืช
วิธีใช้
ใช้ได้ไม่จำกัดปริมาณ โดยไม่เป็นอันตรายต่อพืช
– เพาะต้นกล้าหรือปักชำ ใช้มูลไส้เดือนล้วนๆ แทนวัสดุเพาะอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลดีเยี่ยม
– ปลูกพืช ผสมมูลไส้เดือนและดินอย่างละครึ่ง
– บำรุงต้นไม้ โรยมูลไส้เดือนรอบๆ โคนต้น มากน้อยตามขนาดของต้นไม้ หรือ 1-2 ช้อนโต๊ะ ในไม้กระถาง ทุก 7 วัน
วิธีเก็บรักษา
เก็บไว้ในที่ร่มและไม่ควรตากแดด เพราะจะทำให้จุลินทรีย์ตาย
—————————————————————————————————————-
การใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือน
ในการปลูกพืชสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุด คือ ดิน เนื่องจากดินเปรียบเสมือนเป็นบ้านของต้นพืชและสัตว์ต่างๆในดิน ดังคำกล่าวที่ว่า ดินดี คือ ดินที่มีชีวิต ดังนั้นในการที่จะปรับปรุงโครงสร้างของดินให้ดีขึ้น จำเป็นต้องเพิ่มสิ่งมีชีวิตต่างๆ เข้าไปในดิน ซึ่งวิธีการหนึ่งที่สามารถเพิ่มสิ่งมีชีวิตในดินได้ คือ การเพิ่มอินทรีย์วัตถุแก่ดิน ด้วยการเพิ่มปุ๋ยหมัก มูลสัตว์ชนิดต่างๆ หรือการปลูกพืชคลุมดิน
ก่อนทำการปลูกพืช ซึ่งการเติมมูลสัตว์ลงไปในดิน นอกจากจะทำให้โครงสร้างของดินดีขึ้นและมีปริมาณธาตุอาหารที่เพิ่มมากขึ้นแล้วการใส่มูลสัตว์ดังกล่าวลงไปในดินยังมีผลทำให้จำนวนประชากรของไส้เดือนดินเพิ่มสูงขึ้นด้วย
เนื่องจากไส้เดือนดินเป็นสัตว์ที่ชอบอาศัยอยู่ในดินที่มีอินทรีย์วัตถุสูงและมีความชุ่มชื้น เมื่อไส้เดือนดินมาอาศัยอยู่พวกมันก็จะขุดรูทำให้ดินร่วนซุยการระบายน้ำและระบายอากาศก็ดีขึ้น นอกจากนี้ มูลของไส้เดือนดินที่เกิดจากการกินอินทรียวัตถุ ดินและจุลินทรีย์ต่างๆ เข้าไปและผ่านการย่อยในลำไส้และถ่ายออกมา มูลของไส้เดือนดินนั้นก็มีส่วนช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินให้ดีขึ้นได้